พระสงฆ์ ต้องระลึก มันสมควรไหม โปรยเงินแจกโยม?? เรื่องการที่พระสงฆ์โปรยเงินแจกญาติโยมนั้น เป็นสิ่งที่ผิดพระวินัยอย่างชัดเจนและต้องอาบัติครับ แม้ว่าเจตนาอาจจะเกิดจากน้ำใจและความปรารถนาจะแจกทาน แต่การกระทำดังกล่าวขัดต่อพระพุทธบัญญัติโดยตรง พระวินัยที่เกี่ยวข้อง พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติ สิกขาบทที่ 8 แห่งอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ วรรคที่ 2 ไว้ว่า
"อนึ่ง ภิกษุใด รับเองก็ดี ให้คนอื่นรับไว้ให้ก็ดี ซึ่งทองและเงิน หรือยินดีทองและเงินที่เขาเก็บไว้ให้ ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์" (มหาวิภังค์ ๒/๙๔๐)
จากพระวินัยนี้ สรุปได้ว่า
๑.ห้ามรับเงินทองด้วยตนเอง: พระภิกษุไม่สามารถรับเงินหรือทอง ด้วยมือของตนเองได้โดยตรง ๒.ห้ามใช้ผู้อื่นรับแทน: แม้จะให้คนอื่นรับเงินทองแทน แล้วตนเองยินดี ในเงินทองนั้น ก็ถือว่าผิดวินัยเช่นกัน ๓.ห้ามยินดีในเงินทองที่เขาเก็บไว้ให้: การรู้ว่ามีเงินทองเก็บไว้ให้ตน แล้วเกิดความยินดีในเงินทองนั้น ก็เป็นอาบัติ เมื่อพระสงฆ์โปรยเงินแจกญาติโยม นั่นหมายความว่าพระสงฆ์ได้มีการ ครอบครองหรือจัดการเงินทอง ซึ่งขัดกับหลักการที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้ามไว้ เพื่อให้พระภิกษุไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินเงินทองอันเป็นสิ่งโลกียะ และมุ่งมั่นในการประพฤติพรหมจรรย์ อาบัติที่เกิดขึ้น การกระทำดังกล่าวจัดเป็น อาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ซึ่งเป็นอาบัติหนักรองลงมาจากอาบัติปาราชิกและสังฆาทิเสส นิสสัคคิยะ แปลว่า ยังต้องสละออก หรือยังต้องเสียสละ หมายถึง การ ต้องสละวัตถุที่ทำให้ต้องอาบัติออกไปเสียก่อน (ในที่นี้คือ เงินทอง) ปาจิตตีย์ แปลว่า ยังยังสัตว์ให้ตกลง คือ ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติมีความ ผิดและต้องปลงอาบัติ (บอกความผิดของตนแก่ภิกษุอื่น) เพื่อให้พ้น จากอาบัตินั้น ดังนั้น หากพระสงฆ์โปรยเงินแจกญาติโยม จะต้องสละเงินนั้นออกไป และแสดงอาบัติ (ปลงอาบัติ) ต่อหน้าพระภิกษุรูปอื่น เพื่อให้พ้นจากอาบัตินั้น เจตนา "น้ำใจ" หรือ "แจกทาน" แม้ว่าพระภิกษุรูปนั้นอาจมีเจตนาดี มีน้ำใจ อยากจะแจกจ่ายสิ่งของหรือทรัพย์สินให้แก่ญาติโยมเพื่อทำทาน แต่ในพระวินัยบัญญัติได้กำหนดกติกาในการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ไว้อย่างชัดเจน การทำทานของพระสงฆ์จึงควรเป็นไปในรูปแบบของ ปัจจัยสี่ ที่เป็นของสงฆ์ เช่น อาหาร ยา เสื้อผ้า หรือการให้ธรรมะ การให้เงินทองโดยตรงขัดต่อสาระสำคัญของความเป็นสมณะ พระพุทธองค์ทรงเห็นการณ์ไกลว่า การที่พระภิกษุข้องเกี่ยวกับเงินทอง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใดๆ จะนำมาซึ่งปัญหาและกิเลสต่างๆ ทั้งการสะสม การยึดติด การวิวาท และการเสื่อมศรัทธาจากญาติโยมได้ในภายหลัง
สรุป การที่พระสงฆ์โปรยเงินแจกญาติโยม ผิดพระวินัยและต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ อย่างชัดเจน แม้จะมีเจตนาดีอยากจะทำทาน แต่การกระทำดังกล่าวขัดต่อข้อห้ามในการจับต้องหรือยินดีในเงินทองที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัยและเพื่อประโยชน์ในการประพฤติพรหมจรรย์ของพระภิกษุสงฆ์
หากพระสงฆ์ต้องการสงเคราะห์ญาติโยม ควรทำในรูปแบบที่ถูกต้องตามพระวินัย เช่น การให้ธรรมะ การอนุเคราะห์ปัจจัยสี่เท่าที่จำเป็นและเป็นของสงฆ์ หรือหากมีปัจจัยเป็นเงินทองที่ญาติโยมถวายมาและจำเป็นต้องใช้ ก็ควรให้ไวยาวัจกร (ผู้ดูแลทรัพย์สินของวัด) เป็นผู้จัดการและเบิกจ่ายในนามของสงฆ์ เพื่อไม่ให้พระภิกษุต้องข้องเกี่ยวกับเงินทองโดยตรง
|