นะโมขลังดอทคอม   

    

 

มองชูชกต่างมุม
ครูแก้ว : เขียน

คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก “ชูชก”และมักจะนำชูชกมาเป็นสัญลักษณ์ของความตะกละ มักเปรียบเทียบคนที่กินมูมมาม ว่า “ตะกละเหมือนชูชก” นอกจากนี้ชูชกยังเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้าย ใจร้าย ภาพของชายชราที่ฉุดกระชากลากเด็กหญิงเด็กชายสองคน พร้อมทั้งเฆี่ยนตีไปพลางอย่างไม่ปรานีปราศรัย เป็นภาพที่ผู้คนส่วนใหญ่จินตนาการได้ชัดเจน
เรื่อง “มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ชูชก” ของสำนักวัดสังข์กระจาย ได้กล่าวถึงชูชก ไว้ดังนี้
“ยังมีพฤฒาจารย์พราหมณ์ผู้เฒ่า บังเกิดแต่ตระกูลล้วนเหล่ายัญญหุตตภุชงค์ สืบสันดานสัมพันธพงศ์โภวาทิกชาติ เฒ่ามีสันนิวาสเคหฐานอยู่ในคามเขตละแวกบ้านทุนวิฐติดเนื่องกับเมืองกลิงคราษฎร์บุรี ธชีแกเป็นคนจนอัปรีย์ไร้ญาติยิ่งสถุล ทุคคตะแค้นเคืองขุ่นข้องเข็ญใจ ตาแกเที่ยวภิกขาจารไปปานด้วยเพศสกปรก เปรียบด้วยวณิพกยาจกจนจัณฑาล เฒ่าค่อยประสมประสานทรัพย์ไว้ทีละน้อย ได้ถึงร้อยกษาปณ์เป็นลาภตามเข็ญใจ”
มีคำที่แสดงถึงความอัปลักษณ์ ความน่าเกลียด และน่ารังเกียจอยู่หลายคำ เช่น “อัปรีย์ สถุล ทุคคตะ สกปรก วณิพก ยาจก จัณฑาล” และยังมีคำอื่น ๆ ที่มักใช้เรียกขานชูชกในวรรณคดีเรื่องนี้อีกมาก ซึ่งแต่ละคำล้วนแล้วแต่สร้างภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวของชายชราใจร้ายให้เด่นชัดขึ้น เช่น เฒ่าหือรือโหดหีนชาติทาสเมถุน เฒ่าอาธรรม์ เฒ่าจัญไรสันดานหยาบ นอกจากนี้รูปร่างหน้าตาของชูชกยังมีลักษณะที่เรียกว่า “ลักษณะโทษ 18 ประการ” คือ
1. พลังกบาท เท้าทั้งสองข้าง ใหญ่และคด
2. อัทธนขะ เล็บทั้งหมดกุด
3. โอพัทธปิณฑิกะ ปลีน่องทู่ยานลงภายใต้
4. ทีโฆตตโรฏฐะ ริมฝีปากบนยาวปิดริมฝีปากล่าง
5. จปละ น้ำลายไหลออกเป็นยางยืดทั้งสองข้างแก้ม
6. กฬาระ เขี้ยวงอกพ้นปากเหมือนเขี้ยวหมู
7. ภัคคนาสกะ จมูกหักฟุบดูน่าชัง
8. ภัคคปิฏฐิ สันหลัง ไหล่ หักค่อมคด โกง
9. กุมโภทร ท้องป่องพลุ้ยเป็นกระเปาะเหมือนหม้อใหญ่
10. วิสมจักขุ ตาถล่มลึกทรลักษณ์ ข้างหนึ่งเล็ก ข้างหนึ่งใหญ่ไม่เสมอกัน
11. โลหมัสสุ หนวดเครามีพรรณดังลวดทองแดง
12. หริตเกส ผมโหรงเหลืองดังสีลาน
13. วลินะ ตามตัวเต็มไปด้วยเส้นเอ็นนูนเกะกะ
14. ติลกาหตะ มีต่อมแมลงวันและตกกระเหมือนโรยงา
15. ปิงคละ ตาเหลือก เหล่ เหลือง ดังตาแมว
16. วินะตะ ร่างกายคดค่อมในที่ทั้งสาม คือ คอ หลัง และ สะเอว
17. วิกฏะ เท้าทั้งคู่เหหันห่างเกะกะ
18. พรหาขระ ขนตามตัวหยาบเหมือนแปรงหมู
ลักษณะโทษทั้ง 18 ประการของชูชกนี้ ยิ่งทำให้เห็นภาพอันน่าเกลียดน่ากลัวของชูชกได้ชัดเจนขึ้น คงไม่มีใครอยากให้คนพิกลพิการรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับภูติผีปีศาจอย่างนี้เป็นแน่ และด้วยพฤติกรรมที่แสดงต่อพระชาลีและพระกัณหาซึ่งเป็นพระโอรสและพระธิดาของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี ก็ยิ่งเพิ่มความอัปลักษณ์และโหดร้ายของชูชกให้มากยิ่งขึ้น นี่คือการมองชูชกในแง่ที่คนส่วนใหญ่มอง ในที่นี้ผู้เขียนอยากจะเชิญชวนให้ผู้อ่านลองมามองชูชกต่าง
รูปร่างอันพิกลพิการซึ่งมีหลัง ไหล่ คอ ขา ค้อม คด โก่ง เก ไม่สามารถยืดเหมือนคนปรกติธรรมดาได้ กับทั้งส่วนอื่น ๆ ที่มีลักษณะอัปลักษณ์ของชูชก เป็นเรื่องของ “คนเราเลือกเกิดไม่ได้” คนพิกลพิการไม่ว่าไปที่ไหน เข้าใกล้ใคร ก็มักถูกเมินหน้าหนี ถูกรังเกียจ ไม่อยากให้เข้าใกล้ ถ้าคนเรามีร่างกายทุกส่วนโค้ง ค้อม คด โก่ง เกแบบนี้ อย่าว่าแต่จะทำงานทำการอะไรเลย แม้จะพยุงตัวเองให้ทรงอยู่ก็ลำบากเสียเหลือเกิน แต่ชูชกไม่เคยทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นเลี้ยง สู้อุตส่าห์ประกอบอาชีพที่พอจะทำได้ คือขอทาน ชูชกขอทานไปตามประสาคนพิกลพิการ ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และคนที่ให้ก็ดูยินดีที่จะหยิบยื่นให้ อาจเพราะสงสารหรือเพราะรังเกียจจึงรีบให้ หรือเพื่อจะได้ไปให้พ้น ๆ ตัว หรือจะเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ ชูชกก็ประกอบสัมมาชีพเลี้ยงชีวิตของตนมาโดยตลอด ดังปรากฏในข้อความที่กล่าวถึงความมานะพยายามในการทำมาหากินของชูชกว่า
“เฒ่าก็เที่ยวพยายามภิกขาขอ เข้าที่ไหนก็ได้ ได้เท่าใดก็ไม่พอผ่อนผันว่าที่จะกลับไป ๆ ก็จนลี้ลับล่วงกำหนดเกิน ยิ่งเที่ยวมันยิ่งได้ ยิ่งไปมันยิ่งเพลินเกินกำหนดแล้วไม่กลับมา”
ข้อความดังกล่าว อาจจะมองได้สองแง่ คือ แง่ที่ ๑ แสดงให้ถึงความโลภ ความไม่รู้จักพอของชูชก คนพิการอย่างชูชก ตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลานญาติพี่น้อง จะโลภมากอยากได้เงินไปทำไมนักหนา คนให้ก็ใจดีเหลือเกิน แม้ว่าอาจจะให้เพราะความรำคาญ แต่เป็นความรำคาญที่ยิ่งช่วยสนองกิเลศของชูชกให้มากขึ้น ๆ หรือไม่มีที่สิ้นสุด เพราะ “เข้าที่ไหนก็ได้ ได้เท่าใดก็ไม่พอ” ชูชกจึงเพลิดเพลินกับอาชีพขอทานของตน เพราะ “ยิ่งเที่ยวมันยิ่งได้ ยิ่งไปมันยิ่งเพลิน” เสมือนว่าคนทั้งหลายได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมคนขอทานให้ประกอบอาชีพนี้ตลอดไปอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
แต่ในบทความนี้ ผู้เขียนพยายามมองชูชกในอีกแง่หนึ่ง คือ แง่ที่ ๒ มองด้วยความชื่นชมในความขยันขันแข็ง รู้จักทำมาหากินตามความสามารถที่ตนทำได้ ได้มาแล้วก็ รู้จักเก็บหอมรอมริบ ชูชกสามารถเก็บสะสมเงินที่ขอทานเขามาได้ถึง 100 กษาปณ์” ได้ปฏิบัติตามคำบาลีที่ว่า “อารักขาสัมปทา” คือหาทรัพย์มาได้แล้วก็ต้องรักษา จึงนำเงินไปฝากพราหมณ์ผู้เป็นเพื่อนไว้แล้วถูกโกง ชูชกโง่หรือฉลาดที่ทำอย่างนั้น
การมองชูชกต่างไปจากมุมมองที่คนทั่วไปมองนั้น ทำให้นึกถึงคำกล่าวของท่านพุทธทาสที่กล่าวเอาไว้ว่า “เขาจะชั่วเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่” ผู้เขียนจะพูดถึงชูชกในมุมมองของผู้เขียนอีก ขอเชิญติดตามในบทต่อ ๆ ไป

อ่านต่อ


 

 พุทธศาสดา

ธรรมศึกษาวัดสะพานสูง

 เพื่อนบ้าน

 ธรรมะเดลิเวอรี่

 ฟังธรรมดอทคอม

 พระสมรัก  ญาณธีโร

 พระปิยะโรจน์

  jozho.net 

 

  กระดานข่าว   

 

    Copyright (c) 2009 by Namokhlang.com

 

Powered by AIWEB